How to สอบเกรดยังไงให้ได้ผลดี
การสอบเกรดนั้น เป็นการสร้างเป้าหมายระยะสั้นที่ได้ผลดีเยี่ยม ทำให้เด็กๆ มีแรงจูงใจในการฝึกซ้อม เรียนอย่างมีเป้าหมาย และเมื่อสามารถทำได้ก็จะเป็นการเสริมแรงบวกให้อยากฝึกฝนต่อไปในระยะยาว
แต่เราต่างรู้ดีว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีด้านดี ย่อมมีด้านเสีย
การสอบเกรดที่ไม่พร้อม ย่อมให้ผลในทางตรงกันข้าม ผู้ปกครองและเด็กหลายคนอาจจะตัดสินใจยอมแพ้ เลิกเล่นดนตรีเพราะรู้สึกเป็นภาระ หรือมีความกดดันมากเกินไป ดังนั้น “การวางแผนการสอบ” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำด้วยความรอบคอบ และเหมาะสมกับเด็กมากที่สุด
โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งเป็นการสอบแบบอัดคลิป (สำหรับ ABRSM / Trinity) ข้อดีคือทำกี่รอบก็ได้ เอาจนพอใจ แต่ข้อเสียคือ ความพึงพอใจของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด กว่าจะส่งได้แต่ละที ไม่จบไม่สิ้น 5555 ลองมาดูกันว่าจะจัดการยังไงดี
อีกเรื่องที่ตั้งใจจะเขียนในวันนี้ คือ การใส่ใจกับความเครียดของเด็กๆ บางคนอาจจะมองข้ามไปเพราะคิดว่าเด็กๆไม่เครียดหรอก แต่เชื่อเถอะ เห็นมานักต่อนักแล้ว เด็กที่มีบาดแผลในใจจากเรื่องเล็กๆอย่างการสอบเกรดแล้วตก หรือเครียดกับการเตรียมตัวสอบจนเป็นฝันร้ายและเลิกเล่นดนตรีไปเลยในที่สุด
เริ่มจาก ช่วงก่อนสอบ
เลือกระดับที่เหมาะสม
โดยประเมินจากความสามารถของเด็กในวันนี้ และความสามารถของเด็กที่สามารถพัฒนาไปได้ในช่วงเตรียมสอบ (โดยปกติใช้เวลาประมาณ 6 เดือน)
ปัญหาโลกแตกของการเลือกเกรดที่จะสอบคือ โดยปกติเราต้องสมัครก่อน มีแค่ปีละสองรอบ แล้วเราจะรู้ได้ไงละว่าถึงตอนวันที่สอบเด็กจะพัฒนาแค่ไหน จะซ้อมเยอะไหม - กรณีเป็นนักเรียนที่สอนกันมานาน อันนี้อาจจะไม่ยาก เพราะเรารู้ progress แต่ถ้าเป็นเด็กใหม่เพิ่งย้ายมาเจอกัน แนะนำให้ดูลาดเลาไปก่อนซัก 2-4 สัปดาห์ค่อยตัดสินใจ ไม่ต้องรีบเลือกเกรด
(สำหรับตอนนี้อาจจะสะดวกหน่อย เป็นออนไลน์มีรอบแทบทุกเดือน พร้อมเมื่อไหร่รีบส่งเมื่อนั้นได้)
ข้อควรระวังอีกข้อคือ เรามักดูระดับเด็กจากเพลงที่เล่น แต่อย่าลืมว่าการสอบเกรดมักจะมีหัวข้ออื่นๆ เช่น การเล่น Scale / การฟัง / การอ่านโน้ต ซึ่งต้องพิจารณาจุดนี้ควบคู่ไปกับการเลือกระดับที่เหมาะสมด้วย
ตอนเริ่มสอนแรกๆ ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ เด็กอยู่ในเกรด 1 (เพิ่งเริ่มต้น) ก็สอนเกรด 1 เลย ปรากฎว่าผ่านไป 6 เดือน เด็กหัวไวมากๆ ความสามารถเป็นเกรด 2 หรือมากกว่านั้นแล้ว ทำให้เพลงเกรด 1 ที่เล่นอยู่ดูค่อนข้างน่าเบื่อ และเด็กไม่อยากซ้อม
นอกจากนั้นก็ต้องคำนึงความเหมาะสมด้านอื่นๆ เช่น เด็กบางคนไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง อาจจะส่งเกรดที่ไม่ยากเกินตัวนัก แต่เน้นทำให้ได้ดีมากๆ เอาให้ได้ distinction - merit ไปเลย น้องจะได้มีความมั่นใจในการเล่นเปียโนของตัวเอง หรือเด็กบางคนสามารถผลักดันไปเกรดที่สูงเกินตัวได้ เพราะจะรู้สึกสนุกและท้าทายมากกว่า เป็นต้น
เลือกเพลงที่เหมาะสม
การเลือกเพลงสอบ ไม่จำเป็นต้องเลือกเพลงที่ยากที่สุด ยาวที่สุด แต่ควรเลือกเพลงที่เหมาะสมกับเด็กมากที่สุด และเลือกให้มีความหลากหลายแตกต่างกันทั้งเรื่อง character ของเพลง ยุคสมัย ความเร็ว อารมณ์เพลง เทคนิคต่างๆ เพื่อให้ได้เรียนรู้การเล่นที่แตกต่างกันไป
นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญมากๆ คือเลือกเพลงที่เด็กเล่นได้ เด็กบางคนนิ้วไม่ยาวมากพอจะกดโน้ตคู่กว้าง ก็ไม่ควรเลือกเพลงที่ต้องเล่นแบบนั้น เพื่อให้สามารถถ่ายทอดบทเพลงได้สมบูรณ์ที่สุด
ระหว่างเตรียมตัวสอบ
โดยปกติ ก็ควรจะสอนและฝึกทักษะต่างๆไปพร้อมกัน ควรเริ่มเรียนเพลงไปพร้อมกับ scale ไม่ควรมาฝึก scale หรือการฟังในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการสอบ ซึ่งรายละเอียดขั้นตอนการสอน จะขอข้ามไปเนื่องจากคุณครูทุกคนก็มีแนวทางของตัวเองอยู่แล้ว :)
แต่วันนี้อยากมาโฟกัสอีกเรื่องคือ การรับมือกับความเครียดของเด็ก ที่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครูและผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม
“หนูเล่นไม่ได้”
ประโยคง่ายๆ ที่ได้ยินบ่อยๆ ที่จริงก็เป็น sign ของความเครียด คือการรู้สึก hopeless
อันดับแรกต้องดูก่อนว่าเล่นไม่ได้จริงไหม
เล่นไม่ได้จริงๆ - หาสาเหตุที่เล่นไม่ได้ แล้วแก้ไขไป อาจจะเป็นเรื่องของนิ้ว หรือเทคนิคที่ยังไม่แข็งแรง
เล่นได้ แต่จำไม่ได้เฉยๆ -กรณีนี้คือกดถูกละ แค่ยังจำไม่ได้ ต้องเสียเวลาค่อยๆ หาโน้ตแล้วเล่น
กรณีนี้ส่วนใหญ่จะตอบเด็กว่า อ่าว ละเมื่อกี้ครูเล่นเหรอ? ก็ป่าวหนิ หนูก็เล่นเองมาตั้งหลายรอบ เพราะงั้นเอาใหม่ หนูเล่นได้แล้ว แต่หนูแค่ยังจำไม่ได้เฉยๆ เรามาค่อยๆซ้อมกัน นิ้วจะได้จำได้ว่าต้องกดตรงไหนบ้างนะ ซ้อมเฉพาะห้องนี้ซัก 10 รอบ ครบ 10 รอบปุ๊บจำได้เลย (ตัวเลขจำนวนรอบตรงนี้ครูก็ดูเอาเองตามความยากของท่อนนั้นๆ)
สมัยสอนเด็กๆที่อังกฤษ มีประโยคไม้ตายที่ชอบพูดคือ “That’s why I’m here to help you” วันนี้ยังเล่นไม่ได้ ไม่เป็นไร - เดี๋ยวครูช่วยเอง ครูมาที่นี่เพื่อช่วยให้หนูเล่นได้ - เรามาฝึกไปด้วยกัน :)
“หนูจะตกไหม”
อันนี้รุนแรงกว่าอันแรกเล็กน้อย แสดงว่าเด็กมีความกังวลมากๆ กังวลถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
สิ่งที่ครูควรทำคือ เริ่มจากให้เด็ก feedback ตัวเองก่อน ว่าให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่
สำหรับเด็กเล็ก - อาจจะไม่ต้องให้เหมือนการสอบจริงแต่เทียบง่ายๆแค่ เต็ม 10 หรือเต็ม 5 ดาว วันนี้ให้ตัวเองกี่ดาว
สำหรับเด็กโต - เราสามารถอธิบายเกณฑ์การให้คะแนน เพื่อให้ลองทำความเข้าใจ และให้คะแนนตัวเองได้ ซึ่งจะเห็นว่า ไม่มีเกณฑ์การให้คะแนนของสถาบันไหน เขียนว่า “ผิด 1 ตัว สอบตก หรือหักคะแนน” มีแต่จะเขียนว่าโดยรวมเป็นอย่างไรเสียมากกว่า
จากนั้นครูก็ลองให้คะแนนดูแบบเดียวกัน โดยมีกิมมิคเล็กน้อยๆ คืออาจจะแอบให้เยอะกว่าที่เด็กให้ตัวเองนิดนึง อาจจะมากกว่า 0.5-1 คะแนน หรือบางทีก็ให้เยอะกว่ามากเลย เพื่อให้เด็กเห็นข้อดีของตัวเอง เพราะส่วนใหญ่ถ้าเด็กกังวล เค้าจะให้คะแนนตัวเองน้อยๆอยู่แล้ว และบางทีก็น้อยเกินจริง เด็กบางคนเล่นโน้ตผิดสองตัว บอกว่าหนูตกแน่นอนก็มี แต่เราก็สามารถบอกได้ว่าโน้ตสองตัวไม่ได้ตัดสินชีวิตหนู การเล่นเปียโนมีรายละเอียด มีจุดที่ให้คะแนนอีกเยอะแยะ ไม่ใช่แค่โน้ตสองตัวนั้น
โดยส่วนตัว เพิ่งได้รับโจทย์ยาก ท้าทายทั้งครูและเด็ก คือต้องเตรียมสอบเกรดภายใน 1 เดือน (หัดเพลงใหม่)
วันแรกที่เริ่มหัดเพลง จึงให้ 1 คะแนน พออ่านโน้ตจบเพลงให้ 4 คะแนน เด็กก็จะเห็นว่า โอโห ภายในไม่กี่วันได้เพิ่มมาตั้ง 3 คะแนน ถ้าตั้งใจซ้อมแบบนี้ อาทิตย์หน้าอาจจะได้ 7 คะแนน อาทิตย์ต่อไปก็ได้เต็มแล้ว 555 (จริงๆ มันคือการเอาคำว่า เล่นได้ หรือเล่นได้ดี ซึ่งเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ มาทำให้ดูเป็นรูปธรรมมากขึ้นเฉยๆ เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพและมีกำลังใจมากขึ้น)
ในทางกลับกันการให้คะแนนสามารถขึ้นๆ ลงๆได้ เด็กๆ ก็จะได้เรียนรู้ไปด้วยว่ามันมีขึ้นมีลง วันนี้เล่นดี เลิกซ้อม พรุ่งนี้ก็เล่นไม่ดี ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการเรียน
วันอัดคลิปสอบ
สำหรับช่วงนี้เป็นการสอบออนไลน์ที่ต้องอัดคลิป ข้อดีคือเล่นที่บ้านตัวเอง หรือบ้านครู หรือโรงเรียน สถานที่ที่เด็กคุ้นเคยกับเปียโนอยู่แล้ว และอยู่ต่อหน้าคนที่คุ้นเคย ไม่ต้องเจอกรรมการ ขั้นตอนด้านล่างนี้คุณครูส่วนใหญ่ก็ทราบดีแล้วทำกันอยู่แล้ว แต่เขียนไว้เผื่อเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองที่ต้องอัดคลิปส่งสอบด้วยตัวเองค่ะ
#1 warm up
เฉพาะท่อนยากๆ ของแต่ละเพลงที่ต้องเล่น โดยอาจจะเล่นช้าๆ หรือไล่นิ้วช่วงสั้นๆ ไม่ต้องเล่นทั้งเพลง ตามด้วยการ set up จังหวะเพลงแรกในใจ อาจจะเปิด metronome ฟังก็ได้ถ้ายังไม่แม่น
#2 เล่นรอบแรก
โดยส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้รันทรูให้จบให้ได้ก่อน ไม่สั่งหยุด ถ้ามันไม่ได้แย่จนเกินไป เพราะว่าเป็นรอบที่ค่อนข้างเสริมสร้างความมั่นใจให้เด็ก อย่างน้อยใจชื้น ว่าวันนี้เล่นจบแล้ว 1 เทค หลังเล่นจบลองให่ feedback ดูข้อดี ข้อเสียของรอบเมื่อกี้ เพื่อเตรียมเล่นรอบต่อไป (รอบเดียวจบไม่ค่อยมีอยู่จริง 55)
#3 รอบต่อๆ ไป
พยายามดูรายละเอียดให้มากขึ้น อาจจะสั่งหยุดทันทีเมื่อเล่นผิดจุดใหญ่ๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ถ้าเด็กเริ่มท้อ อาจจะปล่อยฟรีไปอีกซักเทคให้เค้าใจชื้นขึ้นมาอีกรอบ แล้วค่อยเจาะรายละเอียดใหม่ จุดนี้ต้องสังเกตดีๆ
แต่ถ้าเริ่มล้า ผิดจุดเดิมซ้ำๆต่อกัน ให้หยุดพัก ไปล้างหน้า ดื่มน้ำ แล้วกลับมาซ้อมเจาะท่อนก่อน ค่อยลองอัดใหม่อีกทีนึง ถ้าพอมีเวลาก็พยายามให้เป็น routine ไปเลย ทำซ้ำๆ บางคนอาจจะได้เลย หรือใช้เวลา 2 วันก็คุ้นแล้ว แต่บางคนอาจจะใช้เวลานานกว่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ค่อยเป็นค่อยไป ใน pace ที่เหมาะสมกับเรา เด็กบางคนถูกเรียกไปพูดหน้าชั้นก็ทำได้เลยตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องทำบ่อยๆถึงชิน บางคนทำจนแก่ก็อาจจะชินแต่ยังไม่ชอบก็ไม่ผิดเลย
หลังสอบ
สร้างทัศนคติที่ดีเสมอ
ถึงแม้ว่าการสอบวัดระดับจะเป็นการสร้างเป้าหมายระยะสั้น เป็นการสร้างแรงจูงใจในการเรียน แต่มันก็แค่นั้น
การสอบผ่านในวันนี้ การได้คะแนนดี เป็นการบอกว่าวันนี้เราทำได้ดีแต่ไม่ได้แปลว่าเราเก่งที่สุด
การสอบตก หรือได้คะแนนไม่ดี ก็เป็นการบอกว่าเรายังทำได้ดีไม่มากพอกับมาตรฐานที่ตั้งไว้ แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่ง ไม่มีแวว ต้องเลิกเล่นดนตรีตลอดไป
อย่าลืมว่ากรรมการตัดสินจากคลิปไม่กี่นาที
สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการพัฒนาที่เกิดขึ้นในหลายสิบชั่วโมงที่ลูก(ศิษย์)เราแสดงให้เห็นตั้งแต่ day 1 จนถึงวันนี้ต่างหาก
ไม่ว่าเราจะสอบผ่าน หรือสอบตก เราก็ต้องซ้อมและเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆนั่นเอง
ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า วันนี้เราเก่งกว่าเมื่อวานหรือยัง ? :) - ไม่ได้หมายถึงเล่นเปียโนเก่งขึ้น แต่รวมไปถึง soft skill ต่างๆ ความอดทน สมาธิ การจัดการกับความรู้สึก ทุกสิ่งนี้สามารถฝึกฝนได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ผ่านทางการเรียนดนตรีนี่แหละ
เผื่อใครอยากอ่านเพิ่มเติม เรื่องการดูแลเด็กๆกับความเครียดในการเรียนหรือสอบ เว็ปนี้อ่านง่ายดีค่ะ