ไม่ชอบอ่านโน้ตทำยังไงดี?

เราจำเป็นต้องอ่านโน้ตไหม?

บางคนอาจจะบอกว่าเป็นคำถามที่ตลกจัง ไม่อ่านแล้วจะเล่นยังไง

แต่ที่จริง อันนี้เป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะ

การเรียนดนตรีเหมือนกับการเรียนภาษา ที่ประกอบไปด้วยทักษะหลายด้าน จึงจะสมบูรณ์

ยกตัวอย่างการเรียนภาษาโดยทั่วไปจะประกอบด้วยการอ่าน การเขียน ไวยากรณ์ พูดสนทนา

คอร์สเรียนมีทั้งแบบองค์รวม และแบบแยกเฉพาะ บางคนอาจจะเรียนเพื่อการสื่อสาร เน้นการพูดสนทนา เพื่อให้สามารถใช้ในการทำงานหรือท่องเที่ยว / บางคนเน้นไวยากรณ์ หรือคำศัพท์ เพื่อต่อยอดเรียนระดับสูงเป็นต้น

การเรียนดนตรีก็เช่นกัน

ทุกทักษะย่อมมีความสำคัญและสัมพันธ์กัน รวมถึงการอ่านมีส่วนสำคัญ ​แต่อาจจะไม่ได้จำเเป็นต้องทำได้ตั้งแต่เริ่ม เนื่องจากกระบวนการเรียนรู้ของเราควรเริ่มจากการฟัง พูด สื่อความหมายให้ได้ก่อนนั่นเอง

ทำไมการอ่านโน้ตถึงยาก?

หลายเดือนก่อนไปฟัง conference MET/TMOHE 2022

คุณ Martha Summa-Chadwick ได้นำเสนองาน Notes to blocks: An automated system to create clot-coded music scores ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ มีอยู่ส่วนหนึ่งที่บอกว่า

“คนส่วนใหญ่ ที่มีความสามารถด้านการเรียนรู้ในระดับปกติ ใช้เวลา 1-2 ปีในการเรียนรู้การอ่านโน้ต ถึงจะอ่านได้คล่อง”

ฟังแล้วก็ชวนคิดถึงตัวเอง กลับมามองด้านการเรียนภาษา ที่โดยส่วนตัวเคยเรียนภาษาจีนและญี่ปุ่น

การท่องจำตัวอักษรคานะหรืออักษรจีน ก็ถูกสอนควบคู่ไปกับการเรียนบทสนทนา ผ่านทางการใช้ Romanji หรือ Pin-yin (ตัวคาราโอเกะภาษาอังกฤษ) เพื่อช่วยให้เราสามารถเข้าใจ อ่านและสื่อสารพอได้ในช่วงที่ยังท่องจำอักษรไม่ได้เหมือนกัน ไม่ได้มีใครบอกว่าต้องจำให้ได้ทุกตัวก่อนถึงจะสามารถเริ่มเรียนภาษาเหล่านั้นได้

คุณ Martha นำเสนอว่า เวลาที่เราอ่านโน้ต มี Cognitive activities เกิดขึ้นเยอะมาก มากจนเป็นอุปสรรคให้บางคนอาจจะ shut down ล้มเลิกความตั้งใจในการเรียนดนตรีไปเลยก็เป็นไปได้

(อันนี้มองย้อนกลับมาประสบการณ์ส่วนตัวก็มีส่วนจริงอยู่พอสมควร เคยพยายามเรียนอย่างจริงจังทั้งภาษาจีน, ภาษาญี่ปุ่น แต่ประสบความเสร็จแค่ภาษาเยอรมันอย่างเดียว ที่สามารถสอบผ่านในระดับกลาง คือ B1 เพราะรู้สึกว่าอย่างน้อยตัวอักษรหน้าตาคุ้นเคย ไม่ต้องท่องจำมาก ส่วนภาษาอื่นๆที่ต้องจำตัวอักษรใหม่ เรากลับขี้เกียจและล้มเลิกไปก่อน)

การอ่านโน้ตมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราคิด ในมุมของผู้ใหญ่หรือผู้ที่คุ้นเคยกับการอ่านโน้ตแล้ว เราอาจจะรู้สึกว่าก็แค่จำๆ ว่าโน้ตเส้นนี้ อยู่ตรงเปียโนคีย์ไหน

แต่ที่จริงแล้ว space ของตัวโน้ต กับ space ของคีย์เปียโน ไม่ค่อยสัมพันธ์กันเลยค่ะ

เด็กส่วนใหญ่งงว่าทำไม ”โด” กับ “เร” โน้ตตัวนึงอยู่บนเส้น (line note) อีกตัวเป็นโน้ตในช่อง (space note) ถึงไปอยู่ข้างกันเป็นคีย์สีขาวที่มีหน้าตาเหมือนกัน บนเปียโน

ยังไม่พอ โด# กับ เรb กลายมาเป็นกดปุ่มเดียวกันอีก โอ้ย งง

ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดถึงความซับซ้อน หางขึ้น หางลง มีโน้ตตัวดำ ตัวขาวอีกมากมาย ที่จะต้องเรียนรู้อีกนะคะ

ฝึกอ่านโน้ตอย่างไร ?​

ก่อนจะฝึก สำรวจอุปนิสัย ความชอบ ความถนัดในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนก่อน

ส่วนใหญ่เด็กที่มีปัญหามักเป็นเด็กช่วง 5-6 ปี ซึ่งจะเริ่มอ่านหนังสือนิทาน เขียนชื่อตัวเองพอได้แล้ว

คุณครูควรลองสอบถามผู้ปกครอง ว่าโดยปกติน้องเป็นคนชอบอ่านไหม กรณีชอบอ่านอันนี้ฝึกต่อไม่ยาก

แต่ถ้าโดยพื้นเพไม่ใช่คนชอบอ่าน (ไม่ว่าจะอ่านอะไรก็ตาม) คุณครูก็จะได้ปรับความเข้าใจกับคุณพ่อคุณแม่ ว่าการอ่านโน้ตมันก็เหมือนการอ่านหนังสืออื่นๆนั่นแหละ สำหรับเด็กที่ไม่ชอบอ่าน คงต้องให้เวลาเค้านิดนึงค่ะ

Tip 1 สำหรับเด็กน้อย อายุ 3-5 ปี

Visual attention / visual processing: spot the different notes

ใช้การเล่น flashcard เอาตัวโน้ตคละๆ แล้วให้เด็กแบ่งออกเป็นกลุ่ม เช่น เอาบัตรโน้ตไปใส่ตะกร้า หรือวางบนแก้าอี้ โดยเริ่มจากแยกเป็น 2 กอง แล้วจะให้วิ่งไปวิ่งมาประกอบเพลง หรือเพิ่มเติมความสนุกตามความถนัดคุณครูได้เลยค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น ให้แยกเป็น space notes vs line notes, treble clef vs bass clef หรือจะกำหนดหัวข้ออะไรก็แล้วแต่

วิธีนี้จะฝึกการมองแยกแยะ จำแนกโน้ตที่แตกต่างกันก่อน เพราะหนึ่งในปัญหาที่ทำให้เด็กอ่านโน้ตลำบาก คือการแยกไม่ได้ ว่าแต่ละตัวหน้าตาไม่เหมือนกันอย่างไร

Tip 2 สำหรับเด็กเล็ก 4-5 ปี

สำหรับเด็กช่วงนี้ที่เริ่มบอกความแตกต่างของแต่ละโน้ตได้คล่องแล้ว (ถ้ายังไม่คล่อง กลับไปใช้วิธีแรกก่อน)ให้ลองใช้สัญลักษณ์ช่วยจำ เช่น สี หรือ สัตว์ค่ะ

เพราะสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กไทย โด เร มี ฟา ซอล ลา ที เป็นคำที่ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาเลย แค่ให้พูดชื่อโน้ตเรียงไล่ขึ้นลง ก็เป็นเรื่องยากที่จะจำได้แล้วค่ะ

เทคนิคนี้มีวิธีการง่ายๆ 5 ชั้นตอน (ตามที่คุณ Martha แนะนำ) คือ

  1. ใช้สีเท่านั้น
    ขั้นตอนนี้เป็นช่วง pre-reading ยังไม่ต้องดูบรรทัด 5 เส้น และไม่ต้องสนใจเลยว่าชื่ออะไรบ้าง ให้ดูเป็นรูปภาพแล้วจำแค่สีนี้ กดปุ่มนี้

  2. ใช้สีกับชื่อโน้ต
    ขั้นตอนนี้ยังเป็น pre-reading แต่เริ่มมีการเขียนชื่อ C D E หรือ โด เร มี และเริ่มสอนชื่อโน้ตเข้าไปด้วย ว่าโน้ตสีนี้ มีชื่ออะไร

  3. ใช้โน้ต ที่วงกลมด้วยสี
    สำหรับขั้นตอนนี้ เริ่มอ่านโน้ตบนบรรทัด 5 เส้นค่ะ ให้ใช้สีเดิมที่เรา input เด็กๆไว้แต่แรก มาให้เค้าระบายสีบนโน้ตเอง หรือวงกลมเองเลย ว่าหน้าตาแบบนี้ ตัวนี้ สีอะไรเอ่ย

  4. ใช้โน้ต ที่เขียนชื่อ
    คล้ายขั้นตอนที่แล้ว แต่ไม่ระบายสีแล้ว ให้เขียนชื่อโน้ตแทน ซึ่งการแยกชื่อ หรือตัวอักษร ก็จะซับซ้อนกว่าการแยกสีขึ้นมานิดหน่อย

  5. ใช้โน้ตไม่เขียนอะไรเลย โดยดูแล้วเล่นบนเปียโน

กรณีแทนด้วยสัตว์ต่างๆ ก็ทำวิธีเดียวกัน คือ introduce ว่าปุ่มนี้คือตัวอะไร ซึ่งวิธีนี้โดยส่วนตัวก็ชอบมากเช่นกัน มีแบบเรียนของอังกฤษชื่อว่า Dogs and Birds ที่ใช้ method นี้สอนเด็กเล็ก โดยสอนว่าตัว D คือ D for doggy และ B คือ Bird ให้เด็กๆหาบ้านของหมาและนกบนเปียโนนั่นเอง เป็นอีกวิธีที่สนุกและได้ผลดีค่ะ คุณครูสามารถหาอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่นตุ๊กตาตัวเล็กๆ หุ่นนิ้วรูปสัตว์มาเล่นกับเด็กเพิ่มความสนุกสนานในชั้นเรียนได้ตามความถนัดเลยค่ะ

Tip 3

ล้ำไปกว่าเทคนิคที่แล้ว คือให้เด็กๆตั้งชื่อให้โน้ตแต่ละตัวเองค่ะ อาจจะยากสำหรับครูที่ต้องมาจำชื่อใหม่ด้วย แต่การใช้ชื่อที่ใกล้เคียงชื่อเดิม แล้วดัดแปลงให้คุ้นหู ก็ช่วยให้จำได้ง่าย น่าสนใจและน่าสนุกขึ้น

เช่น ตัวโด เป็นโดเรม่อน / ตัวซอล เป็น soldier (ทหาร) / ตัวที เป็นทีเร็ก หรือจะชื่ออื่นๆลองสร้างสรรค์ดูได้ และเวลาเจอโน้ตตัวนั้นๆ ก็ให้เค้าหาว่าอยู่ตรงไหนของเปียโน (บ้านโดเรม่อนอยู่ตรงไหน) และกดให้ถูกต้องค่ะ

Tip 4

สำหรับเด็กที่เริ่มโตแล้วประมาณ 5-7 ปีขึ้นไป สามารถใช้แบบฝึกเขียนที่แทนตัวโน้ตเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ มีขายตามหนังสือ workbook ของสำนักพิมพ์ต่างๆ เช่น Hal Leonard, Faber แบบเรียนทั่วไปตามท้องตลาดเลยค่ะ หรือจะลองดูใน website ต่างๆเช่น https://www.classicsforkids.com/music-games/ ก็สนุกและสะดวกดีเหมือนกันค่ะ

Tip 5

สำหรับเด็กที่เริ่มอ่านได้พอประมาณแล้ว แต่ยังอ่านไม่เก่งมาก ส่วนใหญ่ช่วงวัยนี้หากไม่ได้มีปัญหาการเรียนรู้อื่นๆ

สาเหตุหลัก.. น่าจะไม่ต้องเดาค่ะ แค่ “ขี้เกียจ” หรือ “ใจร้อน” อยากจะเล่นให้เป็นเพลงได้ไวๆ

กรณีนี้ลองหาบทเพลงที่เค้าชอบ คุ้นหู อยากเล่น แต่ง่ายว่าบทเพลงระดับที่เรากำลังเรียนอยู่มาให้ฝึกใหม่เอง โดยพยายามตั้งเป้าหมายแต่ละครั้ง ว่าเค้าจะต้องอ่านโน้ตตัวไหนเองบ้าง ให้ค่อยๆจำไปเพลงละ 1-2 ตัวค่ะ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์และทำให้เด็กๆสนุกกับการอ่านโน้ตมากขึ้น ไม่มากก็น้อยค่ะ :)

Previous
Previous

For the first concert and forever!

Next
Next

Music Competition and young kids